เว็บไซต์ของเรามีการใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเว็บที่ดียิ่งขึ้นต่อผู้ใช้ ก่อนใช้งานเว็บไซต์ของเราต่อไป คุณตกลงและยอมรับเว็บไซต์ของเรา นโยบายการใช้คุกกี้
โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ เปิดความสำเร็จในการปลูกถ่าย 2 อวัยวะ โดยได้ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ พร้อมไต สำเร็จในผู้ป่วยรายเดียว ถือเป็นรายแรกของโรงพยาบาลในกรมการแพทย์
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ป่วยที่มีภาวะอวัยวะล้มเหลว ได้แก่ หัวใจ ปอด หรือตับ มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนและเสียชีวิตสูงมาก บางรายจำเป็นต้องรักษาตัวในหอผู้ป่วย ICU ซึ่งการปลูกถ่ายหัวใจ ปอดหรือตับอาจเป็นทางรอดเดียว สำหรับผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้ายการปลูกถ่ายไตจะช่วยให้อัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น ภาวะแทรกซ้อนต่ำกว่าการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมหรือล้างไตทางช่องท้อง และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยกลับมาใกล้เคียงประชากรปกติมากที่สุด
การปลูกถ่ายอวัยวะที่ซับซ้อนมากกว่า 1 อวัยวะพร้อมกันให้แก่ผู้ป่วยหนึ่งราย จำเป็นต้องมีความร่วมมือระหว่างทีมสหสาขาในการเตรียมผู้ป่วยก่อนรับอวัยวะ ทีมช่วยผ่าตัดที่ใช้ระยะเวลานานกว่า 8-10 ชั่วโมง และทีมดูแลหลังผ่าตัดเพื่อให้อวัยวะปลูกถ่ายทำงานได้ดีที่สุดและป้องการเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งต้องตรวจติดตามไปตลอดชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาว
นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวต่อว่า โรงพยาบาลราชวิถีได้เริ่มดำเนินการปลูกถ่ายอวัยวะมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 เป็นโรงพยาบาลแรกในประเทศไทยที่มีการผ่าตัดปลูกถ่ายมากกว่า 1 อวัยวะตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 ซึ่งได้ทำการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจและปอดพร้อมกันเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทย และดำเนินการปลูกถ่ายหัวใจ ตับ และไตมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะแล้ว จำนวน 471 ราย แบ่งเป็น การผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ จำนวน 56 ราย การผ่าตัดปลูกถ่ายไต จำนวน 373 ราย และการผ่าตัดปลูกถ่ายตับจำนวน 42 ราย
นายแพทย์วรพจน์ ชุณหคล้าย ประธานศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาล ราชวิถี กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2567 ทีมแพทย์โรงพยาบาลราชวิถีได้ทำการผ่าตัดปลูกถ่าย 2 อวัยวะคือตับพร้อมไต ในผู้ป่วยหญิงอายุ 54 ปี ผู้ป่วยลงทะเบียนรอรับอวัยวะตั้งแต่เดือน กันยายน พ.ศ. 2566 จนได้รับการแจ้งจากพยาบาลผู้ประสานงานการปลูกถ่ายอวัยวะว่ามีผู้บริจาคอวัยวะที่มีความเข้ากันได้ ทีมแพทย์จึงได้ทำการผ่าตัดนำตับและไตบางส่วนออกและปลูกถ่ายตับและไตให้กับผู้ป่วยใหม่ ซึ่งถือเป็นรายแรกของโรงพยาบาลในกรมการแพทย์ ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดมากกว่า 12 ชั่วโมง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีระหว่าง ทีมผ่าตัดนำอวัยวะออก นำโดย พญ.วิภาวี ทีมปลูกถ่ายตับ นำโดย นพ.สมบูรณ์ นพ.สอาด นพ.ภาสุ นพ.กิตติพงศ์ ทีมผ่าตัดปลูกถ่ายไต นำโดย นพ.วรพจน์ นพ.ณัฐพงศ์ นพ.ชววรรธน์ ทีมแพทย์อายุรกรรมทางเดินอาหาร นำโดย นพ.เฉลิมรัฐ และทีมแพทย์อายุรกรรมโรคไต นำโดย พญ.กรทิพย์ รวมทั้ง ทีมพยาบาลผู้ประสานงานการรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะโรงพยาบาลราชวิถี เจ้าหน้าที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และที่สำคัญที่สุด คือ ผู้บริจาคอวัยวะและครอบครัวที่ร่วมสร้างกุศลที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นและเป็นการสร้างประโยชน์อย่างสูงสุด ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการผ่าตัด ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาตัวต่อที่หอผู้ป่วย ICU ศัลยกรรม เพื่อพักฟื้นและเคลื่อนย้ายไปยังหอผู้ป่วยปลูกก่ายอวัยวะ โดยเบื้องต้นอวัยวะที่ได้รับการปลูกถ่ายทำงานได้ดี ในการนี้ โรงพยาบาลราชวิถีขอเชิญชวนร่วมแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะเพื่อมอบให้แก่เพื่อนมนุษย์ โดยสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ ชั้น 9 อาคารทศมินทราธิราช โรงพยาบาลราชวิถี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 206 2900 ต่อ 10988
#กรมการแพทย์ #โรงพยาบาลราชวิถี #ปลูกถ่ายอวัยวะ
17 มกราคม 2567
**************************************
รพ.ราชวิถี กรมการแพทย์ ปลูกถ่าย 2 อวัยวะ (ตับและไต) สำเร็จเป็นรายแรกของโรงพยาบาลในกรมการแพทย์ อ่านต่อที่ https://shorturl.asia/en4iG
กรมการแพทย์ โดย โรงพยาบาลราชวิถี ร่วมกับ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และเครือข่ายโรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ ได้แก่ โรงพยาบาลเลิดสิน และโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี และคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการมีบุตรและเพิ่มอัตราการเกิดของเด็กมีคุณภาพ กรมการแพทย์ จัดกิจกรรม วันทารกเกิดก่อนกำหนดโลก (World Prematurity Day) วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 โดยมี นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน และ ผศ.(พิเศษ) นพ.สุเพ็ชร ทุ้ยแป หัวหน้ากลุ่มงานสูตินรีเวชศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวรายงาน ณ โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อรณรงค์และให้ความรู้ในการป้องกันการคลอดก่อนกำหนดแก่หญิงตั้งครรภ์และประชาชนทั่วไป รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ที่มีหน้าที่ดูแลหญิงตั้งครรภ์และทารกแรกคลอด เพื่อร่วมส่งมอบเด็กคุณภาพสู่ครอบครัว
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกกำหนดให้ วันที่ 17 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็น World Prematurity Day หรือ วันทารกเกิดก่อนกำหนดโลก เพื่อให้คนทั่วโลกเกิดความตระหนักและความเห็นอกเห็นใจแก่เด็กเกิดก่อนกำหนดและครอบครัว โดยในปี 2023 นี้ เป็น Theme เรื่อง “Small Actions, BIG IMPACT : Immediate skin-to-skin care for every baby everywhere” เน้นย้ำการสัมผัสเนื้อแนบเนื้อระหว่างมารดากับทารกตั้งแต่แรกเกิด ทั้งนี้ การคลอดก่อนกำหนดเป็นปัญหาสำคัญทางด้านสาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทารกแรกคลอดเสียชีวิต ส่วนทารกที่รอดชีวิตอาจมีภาวะทุพพลภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาวตามมาได้ ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบกับทารก แต่ยังส่งผลถึงครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เนื่องจากการดูแลทารกคลอดก่อนกำหนดมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้ทรัพยากรในการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวต่อว่า ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกพบว่าในปี 2563 มีทารกคลอดก่อนกำหนด 13.4 ล้านคน เทียบเท่าเท่ากับว่ามีทารกคลอดก่อนกำหนดหนึ่งรายในทารกที่คลอดทุกๆ 10 ราย สำหรับประเทศไทยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าในปีงบประมาณ 2566 พบว่าอัตราทารกคลอดก่อนกำหนดอยู่ที่ร้อยละ 10.4 คาดว่าจะมีเด็กคลอดก่อนกำหนดในประเทศไทยประมาณ 50,000 คนต่อปี การป้องกันการคลอดก่อนกำหนดจึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด ปัจจุบันพบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่มีประวัติเคยคลอดก่อนกำหนดและตรวจพบปากมดลูกสั้นจะมีความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดสูงขึ้น ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์ควรมาฝากครรภ์แต่เนิ่นๆ เพื่อให้สูติแพทย์ตรวจคัดกรองและให้การป้องกันในรายที่มีปัจจัยเสี่ยงเพื่อลดภาวะทุพพลภาพหรือการเสียชีวิตของทารกแรกคลอดลงให้ได้มากที่สุด
ผศ.(พิเศษ) พญ.เด่นนพพร สุดใจ หัวหน้างานเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการให้ความรู้เรื่องการคลอดก่อนกำหนด ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมก่อนการมีบุตรเพื่อลดความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด การป้องกันการคลอดก่อนกำหนด สัญญาณเตือนของการคลอดก่อนกำหนด การดูแลตนเองเพื่อลดความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด และเมื่อมีภาวะคลอดก่อนกำหนดขึ้นแล้วจะปฏิบัติตัวอย่างไร รวมทั้งการดูแลทารกคลอดก่อนกำหนดอย่างไร นอกจากนี้ยังมีการจัดเสวนาร่วมกันทั้งสูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์โรงพยาบาลราชวิถี กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิดจากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กับคุณแม่ที่เคยตั้งครรภ์และมีภาวะคลอดก่อนกำหนดเกิดขึ้นแล้วผ่านวิกฤตินี้ไปได้อย่างไรอีกด้วย
**************************************
#กรมการแพทย์ #โรงพยาบาลราชวิถี #วันทารกเกิดก่อนกำหนดโลก
– ขอขอบคุณ –
17 พฤศจิกายน 2566
โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ได้เปิดคลินิกส่งเสริมการมีบุตร โดยมี นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี และ แพทย์หญิงพิมลพรรณ ต่างวิวัฒน์ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ ร่วมเปิดงาน เพื่อช่วยขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงสาธารณสุขในการส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพ
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เป็นที่รับรู้โดยทั่วกันว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวและมีปัญหาประชากรเกิดน้อย โดยสาเหตุหลักเป็นผลมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจ และค่านิยมการมีบุตรที่เปลี่ยนแปลงไป สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการมีบุตรของ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทางกรมการแพทย์โดยโรงพยาบาลราชวิถีได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และได้จัดให้มีคลินิกส่งเสริมการมีบุตรโดยมุ่งเน้นให้บริการเชิงรุกในคู่สมรสที่เพิ่งแต่งงานเป็นหลัก เนื่องจากครอบคลุมกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ที่ยังมีอายุไม่มากเกินไป มีสุขภาพที่ดี และมีโอกาสที่จะมีบุตรที่มีคุณภาพ ส่วนการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากจัดเป็นประเด็นสำคัญในลำดับถัดมาเนื่องจากครอบคลุมกลุ่มประชากรที่มีจำนวนไม่มาก และสามารถเข้ารับบริการที่คลินิกรักษาผู้มีบุตรยากของทางโรงพยาบาลอยู่แล้ว
นอกจากนี้ กรมการแพทย์ยังได้มอบหมายให้โรงพยาบาลราชวิถีจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการตรวจน้ำอสุจิ การเตรียมน้ำอสุจิเพื่อฉีดเข้าโพรงมดลูก และการฉีดน้ำอสุจิเข้าโพรงมดลูก เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน สามารถให้บริการได้ที่โรงพยาบาลขนาดเล็กโดยสูตินรีแพทย์ทั่วไป และมีราคาที่ไม่แพง เพื่อง่ายต่อการเข้าถึงของประชาชนอีกด้วย
นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพ โรงพยาบาลราชวิถีจึงได้จัดให้มีบริการตรวจสุขภาพของคลินิกส่งเสริมการมีบุตร ฟรี! จำนวน 50 คู่ โดยคู่สมรสสามารถโทรเข้ามาที่ศูนย์ประสานงานเพื่อนัดคิวตรวจ และทำบัตรโรงพยาบาลผ่านระบบออนไลน์ เมื่อถึงวันที่มาตรวจคู่สมรสสามารถมารับการตรวจแบบ one stop service ได้ที่คลินิกส่งเสริมการมีบุตร ชั้น 6 อาคาร ทศมินทราธิราช โดยจะมีการตรวจเลือดเพื่อวิเคราะห์ผลในห้องปฏิบัติการ และพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ สำหรับผลการตรวจเลือดบางชนิดที่ต้องรอระยะเวลาในการตรวจมากกว่า 1 วัน ผู้ที่มาตรวจจะได้รับการแจ้งผลเลือดผ่านระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine)
นายแพทย์ทรงพล พุทธศิริ หัวหน้างานเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลราชวิถี ได้หยุดให้บริการทำเด็กหลอดแก้วไปช่วงหนึ่ง โดยในปัจจุบันได้ย้ายมาเปิดดำเนินการที่ชั้น 6 อาคารทศมินทราธิราช และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตร” สำหรับให้บริการตรวจรักษาภาวะมีบุตรยากที่ครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยภาวะมีบุตรยาก การฉีดน้ำอสุจิเข้าโพรงมดลูก การทำเด็กหลอดแก้ว การแช่แข็งตัวอ่อนและเซลล์สืบพันธุ์ นอกจากนี้เพื่อช่วยขับเคลื่อนนโยบายของกรมการแพทย์ที่ต้องการส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพ ทางหน่วยเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์จึงได้เปิดให้บริการคลินิกส่งเสริมการมีบุตรเพื่อเตรียมตัวคู่สมรสให้มีความพร้อมในการมีบุตรในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมด้วย
**************************************
#กรมการแพทย์ #โรงพยาบาลราชวิถี #คลินิกส่งเสริมการมีบุตร
– ขอขอบคุณ –
13 พฤศจิกายน 2566
**************************************
รพ.ราชวิถี กรมการแพทย์ “เปิดคลินิกส่งเสริมการมีบุตร” นำร่องแห่งแรกของกระทรวงสาธารณสุข ส่งเสริมการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพ อ่านต่อที่ https://shorturl.asia/k2UWp